การแปลความหมายของผลการวิเคราะห์น้ำมัน

เราเคยมีบทความเกี่ยวกับข้อดีในการวิเคราะห์น้ำมัน ตลอดจนวิธีการเก็บตัวอย่างน้ำมันที่ถูกต้องเพื่อส่งไปทดสอบอยู่บ่อยๆ ลูกค้าของเราจำนวนมากทราบถึงข้อดีของการวิเคราะห์น้ำมันจากประสบการณ์ที่ส่งตัวอย่างน้ำมันไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการด้วยตนเอง ซึ่งการวิเคราะห์นี้จะช่วยคาดการณ์และป้องกันไม่ให้เครื่องจักรได้รับความเสียหายที่เกิดจากสิ่งปนเปื้อนของน้ำมันได้เป็นอย่างดี

การวิเคราะห์น้ำมันบอกอะไรแก่คุณบ้าง ข้อมูลประเภทใดที่คุณจะได้รับจากการวิเคราะห์น้ำมัน
แน่นอนว่าการวิเคราะห์น้ำมันเป็นวิธีในการปกป้องและบำรุงรักษา ที่จะช่วยระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรของคุณ ก่อนที่จะนำไปสู่การซ่อมแซมครั้งใหญ่

การวิเคราะห์น้ำมันจะครอบคลุมและประเมินอย่างกว้างๆ ดังต่อไปนี้:
• การสึกหรอของเครื่องจักร
• การปนเปื้อน
• การเสื่อมสภาพ

การวิเคราะห์น้ำมันจะบ่งบอกถึงชนิดของสิ่งที่ปนเปื้อนในน้ำมัน รวมไปถึงสาเหตุของการปนเปื้อนนี้ด้วย นอกจากนี้การวิเคราะห์น้ำมันยังสามารถบ่งบอกถึงการสึกหรอภายในเครื่องจักร ทำให้ทราบถึงปัญหาเพื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมได้ ยกตัวอย่างเช่น ระดับของปัญหาของการทดสอบในห้องปฏิบัติการจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ โดยใช้การแบ่งระดับตามสี ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีส้มแดง และสีแดง ที่หมายถึงพื้นที่ที่ต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน

ตัวแปรหลักในการวิเคราะห์น้ำมัน
ความหนืดของน้ำมัน เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์น้ำมันในห้องปฏิบัติการ การทำงานของเครื่องยนต์อาจส่งผลทำให้ความหนืดของน้ำมันเปลี่ยนแปลงไปจากเกรดที่ระบุไว้บนฉลาก ในอุปกรณ์เคลื่อนที่อุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และเฟืองท้าย จะทำการทดสอบที่อุณหภูมิ 100°C ขณะที่เครื่องจักรที่ใช้งานในภาคอุตสาหกรรมจะทำการทดสอบที่อุณหภูมิ 40°C

หากความหนืดของน้ำมันสูงหรือต่ำกว่ามาตรฐานมาก นั่นเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าน้ำมันกำลังเสื่อมสภาพ จะมีความข้น เกิดการออกซิไดซ์ หรืออาจเกิดการปนเปื้อนจากผลิตภัณฑ์อื่น เมื่อใดที่คุณพบอาการเหล่านี้นั่นหมายถึงคุณจะต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันทันที

ปริมาณของโลหะ สารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เช่น ส่วนผสมของ ซิงค์ ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแมกนีเซียม หากพบโลหะเหล่านี้เพียงส่วนหนึ่งต่อล้านส่วน (PPM) ของสารเพิ่มคุณภาพ ถือว่ายังคงอยู่ในระดับเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดและเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งหมายถึงไม่พบสิ่งปนเปื้อนใดๆ ในน้ำมัน การพบโลหะที่เกิดจาการสึกหรอของ เหล็ก ทองแดง หรือดีบุก เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเกิดการสึกหรอภายในเครื่องจักร หากพบเศษโลหะเป็นจำนวนมากเป็นไปได้ว่าอาจเกิดการสึกหรอที่มากเกินไป คุณควรเก็บตัวอย่างน้ำมันเพื่อมาตรวจสอบอย่างละเอียด

ระดับการปนเปื้อนของน้ำและกรด ในการวิเคราะห์น้ำมันมีการบอกถึงระดับการปนเปื้อนของน้ำว่ามีปริมาณมากกว่าระดับที่กำหนดหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการดูปริมาณของกรดและเบสด้วย ระดับของกรดบอกให้รู้ว่าน้ำมันกำลังร้อนเกินไปหรือเกิดการออกซิเดชั่นที่ระดับใด ปริมาณเบสบอกได้เกิดอัลคาไลน์ในน้ำมัน ซึ่งเบสจะไปชดเชยกับกรดและช่วยป้องกันการกัดกร่อน หากปริมาณกรดสูงเกินไปหรือเบสมีค่าต่ำไป คุณจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน

ระดับน้ำยาหม้อน้ำ การวิเคราะห์น้ำมันยังช่วยตรวจจับการรั่วไหลของน้ำยาหม้อน้ำภายในเครื่องยนต์ได้อีกด้วย น้ำหรือไกลคอลจะระเหยทันทีที่ออกจากระบบหล่อเย็น แต่สิ่งปนเปื้อนในน้ำยาหม้อน้ำจะทิ้งร่องรอยของโซเดียม โพแทสเซียม หรือโบรอน ไว้ในน้ำมัน ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามีการรั่วซึมของน้ำยาหม้อน้ำ

ซิลิคอน และอลูมิเนียม เป็นส่วนประกอบของสิ่งปนเปื้อน เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่ามีการรั่วที่กรองอากาศขาเข้า จึงทำให้มีสิ่งปนเปื้อนหลุดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ และปริมาณของโครเมียมที่สูงบอกได้ว่าเกิดการเสียดสีจนทำให้โครเมียมหลุดออกจากแหวนลูกสูบ

บทสรุป

การปนเปื้อนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ห้องปฏิบัติการจะทำการวิเคราะห์ว่าระดับการปนเปื้อนนี้อยู่ภายในปริมาณที่ยอมรับได้สำหรับงานแต่ละประเภทหรือไม่ เพราะฉะนั้นการระบุข้อมูลของตัวอย่างน้ำมันที่เก็บมาเพื่อส่งทดสอบ จะต้องมีรายละเอียดที่ครบถ้วน เช่น ประเภทของน้ำมัน เกรด ชั่วโมงการใช้งานของน้ำมันและเครื่องจักร และการกรองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

ผลรายงานจากห้องปฏิบัติการอาจมีคำแนะนำสำหรับการตรวจสอบเครื่องจักร เช่น ระบบกรองอากาศ หรือการสึกหรอ ที่อาจจะบ่งบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในน้ำมัน ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยคุณเตรียมความพร้อมในการรับมือที่จะปกป้องเครื่องจักรของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดเวลาการหยุดเดินเครื่อง และลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนชิ้นส่วนก่อนเวลาอันควร

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Oil Analysis Program.

Author image

โดย แดน โฮลด์เมเยอร์ - 11 January 2018

ประวัติผู้เขียน

ด้วยประสบการณ์กว่า 35 ปีในอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส แดน โฮลด์เมเยอร์ ร่วมงานกับเชฟรอนในช่วง 14 ปีหลัง โดยเค้าได้นั่งควบหลายตำแหน่งนอกเหนือจากการเป็น Industrial and Coolants Brand Manager ในขณะที่เค้าทำงานเป็นวิศวกรน้ำมันหล่อลื่นที่ เชฟรอน ให้กับแบรนด์ เดโล่ และผลิตภัณฑ์หล่อลื่นอื่นๆ ด้วย แดนเป็นบุคคลสำคัญที่คอยช่วยสนับสนุนและบริหารโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับยานพาหนะที่ทำงานบนถนนและในทางสมบุกสมบัน นอกจากนี้แดนยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอบรมที่ Chevron Global Lubricants ตั้งแต่แรกที่ได้เข้าร่วมงานกับบริษัท ก่อนมาทำงานที่เชฟรอน แดนได้ทำงานเป็นวิศวกรภาคสนามที่ Mobil Oil นานกว่า 20 ปี (ตั้งแต่ พ.ศ. 2522-2542) หลังจากที่สำเร็จการศึกษาจาก Missouri-Columbia with a Bachelor of Science in Chemical Engineering