การใช้น้ำมันในเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากแก๊สหลุมฝังกลบ

มีความสำคัญอย่างไรและต้องจัดการยังไง

Engines

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แก๊สจากหลุมฝังกลบถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าและมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แก๊สจากหลุมฝังกลบนับว่าเป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่มีประสิทธิภาพ และยังเป็นการช่วยลดผลกระทบในการปล่อยก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบ โดยการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์แทนการปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ

 

ประสิทธิภาพของแก๊สจากหลุมฝังกลบที่นับว่าเป็นแหล่งพลังงานทดแทนนั้น ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์แก๊ส โดยดูจากอัตราการใช้น้ำมันและระยะการเปลี่ยนถ่ายที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญ นอกจากนี้ ข้อกำหนดในการลดการปล่อยมลพิษยังคงเป็นแรงผลักดันให้ต้องลดการใช้น้ำมันในเครื่องยนต์อีกด้วย อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการที่ผลิตแก๊สจากหลุมฝังกลบมักไม่ทราบถึง อัตราความสิ้นเปลือง ปริมาณการใช้น้ำมัน และระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การปนเปื้อนของน้ำมันที่มาในรูปแบบของ ตะกอน คราบวานิช และคราบสะสมในลูกสูบ จะเข้าไปขัดขวางประสิทธิภาพและสมรรถนะการทำงานของเครื่องยนต์ เป็นสาเหตุทำให้ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันบ่อยขึ้นหรือเลวร้ายที่สุดอาจทำให้เกิดการสึกหรอ ส่งผลให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลง

 

ตามคำกล่าวที่ว่า “คุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หากไม่มีการตรวจสอบ” เพื่อลดเวลาการหยุดเดินเครื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการบำรุงรักษา การตรวจสอบการใช้น้ำมันและระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน จึงเป็นสิ่งสำคัญ มีวิธีการอยู่ 2 วิธี ที่จะช่วยในการตรวจสอบ วิธีแรกคือการติดมิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อวัดอัตราการไหลของน้ำมันไว้ที่เครื่องยนต์ทุกเครื่อง โดยมิเตอร์จะทำหน้าที่วัดปริมาณการใช้น้ำมันโดยตรง อีกหนึ่งทางเลือก คือ การจดบันทึกปริมาณน้ำมันที่เติมเข้าไปในถังเป็นประจำทุกเดือน

 

วิธีการเหล่านี้ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบ ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้คุณ ควบคุมการใช้น้ำมัน ยืดระยะการเปลี่ยนถ่าย และช่วยลดค่าใช้จ่าย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ความแปรปรวนของปริมาณการใช้น้ำมันอาจเป็นสัญญาณเตือนที่บอกได้ว่าเครื่องยนต์อาจมีปัญหา ตัวอย่างเช่น หากปกติเครื่องยนต์ใช้น้ำมัน 10 แกลลอนต่อสัปดาห์ แต่ปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 25 แกลลอนต่อสัปดาห์ในทันที นั่นแสดงว่าเครื่องยนต์อาจเกิดการสึกหรอจะต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดและปัญหาอาจร้ายแรงจนต้องมีการยกเครื่องใหม่

 

แต่มีอีกหนึ่งวิธีที่ดี นั่นคือ การใช้โปรแกรมวิเคราะห์น้ำมันเป็นประจำ โดยการเก็บตัวอย่างน้ำมันจากเครื่องยนต์ที่ใช้งานอยู่และส่งไปที่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจสอบหาสิ่งปนเปื้อนในน้ำมัน ชนิดและขนาดของสารปนเปื้อนที่พบจะบอกคุณได้ว่าน้ำมันกำลังเสื่อมสภาพหรือไม่ และสามารถเป็นตัวบ่งชี้เบื้องต้นถึงปัญหาที่รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องจักรของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากพบร่องรอยของเศษโลหะในน้ำมัน นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการสึกหรอที่กำลังคุกคามและส่งผลให้อายุการใช้งานของ เครื่องยนต์สั้นลง การวิเคราะห์น้ำมันอย่างเป็นระบบอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณเห็นปริมาณของสารปนเปื้อนตลอดเวลา เครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งวาล์วมาด้วย ทำให้การเก็บตัวอย่างน้ำมันสะดวกและได้น้ำมันที่สะอาดยิ่งขึ้น

 

น้ำมันที่ใช้ในเครื่องยนต์แก๊สจากหลุมฝังกลบต้องทำงานภายใต้สภาวะการทำงานที่หนักหน่วงและมีอุณหภูมิสูง ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ไนเตรชั่น ความหนืดไม่คงที่ การสะสมของตะกอน และการกัดกร่อน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำมันเครื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญจะต้องเลือกใช้น้ำมันที่เหมาะกับเครื่องยนต์และได้รับการผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อการปกป้องเครื่องยนต์สี่จังหวะที่มีลูกสูบเป็นอะลูมิเนียมที่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สจากหลุมฝังกลบหรือแก๊สชีวภาพ และได้รับการรับรองจากผู้ผลิตเครื่องยนต์ ในการทดสอบภาคสนามกับผู้ผลิตรายใหญ่หลายราย น้ำมันสำหรับเครื่องยนต์แก๊ส HDAX® 9500 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพที่โดดเด่นในทุกด้าน นอกจากนี้ ยังได้มีการทดสอบภาคสนามกับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้เชื้อเพลิงจากแก๊สหลุมฝังกลบในการผลิตกระแสไฟ
ผลที่ได้คือ HDAX® 9500 ช่วยยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันได้เพิ่มขึ้นถึ30% และช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันลงอีกด้วย

 

การใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างแพร่หลายและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นเป้าหมายที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน การใช้น้ำมันที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหมาะสมต่อการใช้งาน พร้อมทั้งการติดตามปริมาณการใช้น้ำมันอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์แก๊สจากหลุมฝังกลบเพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด

Author image

Zach Sutton - 02 April 2024

About the author

Zach Sutton ทำงานให้กับเชฟรอนและมีบทบาทมากมายในบริษัท ปัจจุบัน Zach ดำรงตำแหน่ง Industrial and Services Sector Specialist in Americas Customer Experience organization บทบาทของ Zach คือการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าในการใช้น้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรมและบริการของเชฟรอน เช่น โปรแกรม Chevron LubeWatch® และน้ำมันหล่อลื่นที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISOCLEAN® ก่อนร่วมงานกับเชฟรอน Zach เคยทำงานให้กับองค์กรหลายแห่ง โดยเฉพาะ Michelin North America ทำให้เขามีประสบการณ์ที่กว้างขวางในการขายผลิตภัณฑ์และการตลาด

ในปี 2000 Zach ได้สำเร็จการศึกษาจาก California State Universityg, Fresno

ด้วยปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต Bachelor of Science in Business Administration ด้านการตลาด