การบำรุงรักษายานพาหนะที่มีความหลากหลายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

จากการพูดคุยกับผู้จัดการฝ่ายซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์งานก่อสร้าง ทำให้ทราบว่าในงานก่อนสร้างนั้นการใช้เครื่องจักรและยานพาหนะแบบผสมถือเป็นเรื่องปรกติในธุระกิจนี้ โดยสาเหตุหลักก็เนื่องมาจากปัจจัยทางด้านการบริหารต้นทุนและคุณภาพของเครื่องจักรที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ผลิต นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ยึดติดกับการใช้งานเครื่องจักรเพียงแบรนด์ใด แบรนด์หนึ่งอีกต่อไป 

ในขณะที่การใช้งานเครื่องจักรและยานพาหนะแบบผสมสามารถช่วยลดต้นทุนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้ แต่สิ่งนี้ต้องแลกมากับการบำรุงรักษาที่ซับซ้อนมากขึ้น การที่มีผู้ผลิต (OEMS)หลายแบรนด์ อาจทำให้เราต้องกำหนดช่วงเวลาในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องจักรที่แตกต่างกันไป รวมถึงข้อกำหนดในการใช้งานและน้ำมันหล่อลื่นที่เลือกใช้ก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นการซ่อมบำรุงเครื่องจักรจึงกลายเป็นกิจกรรมที่มีความยุ่งยากมากขึ้น

คุณจะก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร? 

ผู้จัดการหลายคนเลือกใช้วิธีแบบเดิมๆในการทำงาน เช่นการพยายามกำหนดตารางงานซ่อมบำรุง และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ได้พร้อมกันทีเดียวทั้งฟลีทเป็นต้น อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งที่การเลือกรูปแบบการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นแบบนี้ จะทำให้เกิดรอบการเปลี่ยนถ่ายที่ไม่จำเป็นขึ้น ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าที่ผู้ผลิต (OEM)ได้กำหนดไว้ เหตุผลของการจัดการตารางงานซ่อมบำรุงแบบนี้ ก็เพื่อเป็น "กรมธรรม์ประกันภัย" ต้นทุนต่ำ และไม่จำเป็นต้องมีการตรวจวิเคราะห์น้ำมันหล่อลื่นนั่นเอง

สิ่งที่บุคคลากรกลุ่มนี้ยังขาดความใจก็คือ การวิเคราะห์น้ำมันไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะในส่วนของน้ำมันเท่านั้น แต่การวิเคราะห์น้ำมันนั้นสามารถช่วยระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ต่างๆของคุณได้ ตั้งแต่เรื่องการเจือปนของน้ำมันเชื้อเพลิง การปนเปื้อนหรือการรั่วไหลของน้ำยาหม้อน้ำ รวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่อาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์ลดลง นอกจากนี้การตรวจวิเคราะห์น้ำมันยังช่วยให้คุณคาดการณ์และหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่คาดคิดได้อีกด้วย

การวิเคราะห์น้ำมันเป็นประจำคือคำตอบ

การกำหนดตารางการซ่อมบำรุงแบบทั่วไปในฟลีทรถของคุณและการละเว้นการวิเคราะห์น้ำมันนั้น อาจทำให้คุณต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของ ต้นทุนและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งทั้งยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับเครื่องจักรได้มากถึง 11%

หากลองพิจารณาเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีการใช้งานอยู่ทั่วไป อย่างเช่น รถขุดดิน ค่าแรงในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน ค่าน้ำมัน รวมถึงค่ากรองน้ำมันที่ต้องเปลี่ยนในแต่ละปีจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 46,500 บาท (1540 ดอลลาร์) ต่อปีต่อคัน สมมติว่าฟลีทรถของคุณมีเครื่องจักรที่เหมือนๆ กันจำนวน 100 เครื่อง และมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน 4 ครั้งต่อปี คุณจะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันอยู่ที่ปีละประมาณ 4,650,000 บาท (154,000 ดอลลาร์) แต่ถ้าหากคุณมีการตรวจวิเคราะห์น้ำมันอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยแล้ว คุณจะสามารถลดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องลงได้อย่างน้อย 1 ครั้ง/เครื่อง/ปี กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากไม่มีการวิเคราะห์น้ำมันเป็นประจำ คุณจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่คุณต้องใช้จริงถึงปีละประมาณกว่า 1,000,000 บาท (38,500 ดอลลาร์) ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงเวลาที่ต้องหยุดเดินเครื่องจักร ซึ่งอาจจะมีมูลค่ามากกว่า ค่าอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนในแต่ละครั้งเสียอีก

หากไม่มีการตรวจวิเคราะห์น้ำมันอย่างสม่ำเสมอ เราจะไม่สามารถคาดการณ์ เหตุการณ์ความผิดปกติของเครื่องจักรได้ล่วงหน้าตัวอย่างเช่น 40% ของเครื่องยนต์ที่เกิดความเสียหาย จะมีสาเหตุมาจากการปนเปื้อนจากระบบทำความเย็น ซึ่งการวิเคราะห์น้ำมันจะสามารถตรวจสอบปัญหาเหล่านี้ได้ก่อนที่จะพบปัญหาร้ายแรง ทั้งนี้หากสงสัยว่าค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมเครื่องยนต์ที่เสียหายจากน้ำยาหม้อน้ำแต่ละครั้งคิดเป็นเงินเท่าไหร่ ตัวอย่างสำหรับฟลีทที่มีรถ 100 คัน ให้ลองพิจารณาจากตัวเลขนี้ เช่นโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 2,700,000 บาท ต่อปี ดังนั้นเมื่อเราลองคิดคำนวณความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นนี้เพียงหนึ่งครั้งต่อปีที่ประมาณ 2,700,000 บาท ร่วมกับค่าเปลี่ยนถ่ายที่เพิ่มมาอีกกว่า 1,000,000 บาท จะทำให้ “กรมธรรม์ราคาถูก” ของคุณมีราคารวมอยู่ที่ประมาณ 3,700,000 บาท ต่อปีเลยทีเดียว

ดังนั้นโปรแกรมการบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่ครอบคลุม จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตามที่ผู้ผลิต (OEM) แนะนำไว้ และเมื่อรวมกับการตรวจวิเคราะห์น้ำมันอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถลดการใช้น้ำมันหล่อลื่นได้โดยเฉลี่ยถึง 25% และยังส่งผลให้รถมีความพร้อมในการใช้งานสูงขึ้น เนื่องจากคุณสามารถซ่อมบำรุงอุปกรณ์ได้ในเวลาที่เหมาะสม และทราบการแจ้งเตือนถึงสิ่งผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของคุณเท่านั้น แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุนในรถแต่ละคันได้อีกด้วย

โปรแกรมที่คุณมีอยู่ในตอนนี้เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับโปรแกรมที่คุณต้องการ?

Author image

โดย แดน โฮลด์เมเยอร์ - 20 October 2017

ประวัติผู้เขียน

ด้วยประสบการณ์กว่า 35 ปีในอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส แดน โฮลด์เมเยอร์ ร่วมงานกับเชฟรอนในช่วง 14 ปีหลัง โดยเค้าได้นั่งควบหลายตำแหน่งนอกเหนือจากการเป็น Industrial and Coolants Brand Manager ในขณะที่เค้าทำงานเป็นวิศวกรน้ำมันหล่อลื่นที่ เชฟรอน ให้กับแบรนด์ เดโล่ และผลิตภัณฑ์หล่อลื่นอื่นๆ ด้วย แดนเป็นบุคคลสำคัญที่คอยช่วยสนับสนุนและบริหารโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับยานพาหนะที่ทำงานบนถนนและในทางสมบุกสมบัน นอกจากนี้แดนยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอบรมที่ Chevron Global Lubricants ตั้งแต่แรกที่ได้เข้าร่วมงานกับบริษัท ก่อนมาทำงานที่เชฟรอน แดนได้ทำงานเป็นวิศวกรภาคสนามที่ Mobil Oil นานกว่า 20 ปี 

(ตั้งแต่ พ.ศ. 2522-2542) หลังจากที่สำเร็จการศึกษาจาก Missouri-Columbia with a Bachelor of Science in Chemical Engineering